สารัญ Creditbank Credit card bank

123

11/30/2552

34 วิธีพูดว่า "ไม่" ให้ประทับใจและได้ผล


34 วิธีพูดว่า "ไม่" ให้ประทับใจและได้ผล
34 วิธีพูดว่า ไม่ ให้ประทับใจและได้ผล

การทำให้ผู้อื่นคล้อยตามวิธีการของคุณ

1. อย่าพูดว่า ได้ ถ้าคุณตั้งใจจะพูดว่าไม่

2. คุณเป็นอย่างนี้อยู่บ่อยๆ หรือเปล่า ตั้งใจจะพูดว่า ไม่ แต่เป็นอะไรก็ไม่รู้ ถึงพูดได้ว่า ได้ ออกมาแทน?

เปลี่ยนตัวเองเสียใหม่แล้วทำให้เป็นนิสัยด้วยการสูดหายใจเข้าลึกๆ
และกลั้นหายใจไว้อย่างน้อย 3 วินาทีก่อนจะตอบ
การกระทำเช่นนี้จะช่วยขัดจังหวะการตอบรับด้วยความปากไวของคุณ
และให้เวลาคุณอย่างน้อย 2-3 วินาที ที่จะคิดหาทางพูดคำว่า ไม่ ออกมา

3. "ไม่" เป็นคำที่สั้นที่สุดในแทบทุกภาษา การตอบ ไม่ ที่ได้ผลที่สุดมีอยู่ด้วยกัน 3 ขั้นตอน คือ
ขั้นแรก ทวนคำพูดหรือคำขอ ของอีกฝ่ายอย่างย่อๆ เพื่อแสดงว่าคุณรับทราบและใส่ใจฟัง
ขั้นที่ 2 ตอบ ไม่ อย่างรวดเร็วและสุภาพ (เช่น ขอโทษ ฉันทำไม่ได้)
ขั้นที่ 3 แสดงความขอบคุณสำหรับการถามหรือคำขอ (ขอบคุณนะที่นึกถึงฉัน)

4. ปัญหาอย่างหนึ่งของคำว่า ไม่ คือ ทำให้ผู้ได้รับการตอบปฏิเสธเกิดความหงุดหงิด หรือไม่สบายใจ
เพราะการปฏิเสธทำให้เกิดความรู้สึกเสียศูนย์

เราสามารถทำให้ผู้ได้รับการตอบปฏิเสธรู้สึกดีขึ้นได้ ด้วยการเสนอทางเลือก โดยอาจจะตอบว่า
"ถึงแม้เราจะส่งของทั้งหมดตามวิธีที่คุณต้องการไม่ได้
แต่เราสามารถส่งบางส่วนให้คุณโดยเครื่องบิน และส่วนที่เหลือโดยรถบรรทุก"

5. ตอบ ไม่ กับคำขอ ไม่ใช่กับตัวผู้ขอ
โดยพยายามแยกประเด็นของเรื่องออกจากตัวบุคคล ยกตัวอย่างเช่น
ควรจะตอบว่า "ฉันทำงานนี้ไม่ได้" ซึ่งให้ความรู้สึกที่ดีกว่าการพูดว่า "ฉันทำงานนี้ให้คุณไม่ได้"

6. ก่อนจะพูด ไม่ ให้นึกถึงสิ่งที่อีกฝ่ายหนึ่งให้ความสำคัญหรือคำนึงถึงเสียก่อน
โน้มน้าวให้อีกฝ่ายเห็นว่า การตอบ ไม่ ของคุณนั้น ไม่ใช่แค่การตอบแบบไม่คิดถึงเขาใจเรา
แต่ยังเป็นคำตอบที่ดีสำหรับเขาด้วยเช่นกัน

ตัวอย่างเช่น คุณถูกขอร้องให้เลื่อนกำหนดส่งงานให้เร็วกว่าเดิมด้วย จำนวนวันที่ไม่ค่อยจะสมเหตุสมผล
แทนที่จะตีอกชกตัวแล้วโวยวายว่าทำไม่ได้ คุณควรจะเน้นให้อีกฝ่ายเห็นว่า คำขอนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
โดยตอบว่า "ฉันคงจะลดเวลาทำงานเพื่อให้ส่งงานเร็วขึ้นตามที่คุณขอไม่ได้หรอก
เพราะผลงานที่ออกมาจะไม่ได้มาตรฐานอย่างที่คุณคาดหวังเอาไว้"

7. หนึ่งในวิธีที่ทำให้ "อีกฝ่ายหนึ่ง" คล้อยตามวิธีการของคุณอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด คือ
พยายามมองเหตุการณ์ในมุมมองของเขา และทำความเข้าใจในฐานะที่เป็นตัวเขา แทนที่จะตอบว่า ไม่
คุณควรใช้วิธีการต่อรองหรือประนีประนอม หรือให้ข้อแลกเปลี่ยนแบบหมูไปไก่มา เช่น
"ถ้าคุณสัญญาว่าจะสนับสนุนโครงการนี้ของผม ผมจะทำทุกอย่างที่ทำได้
เพื่อให้งบประมาณของคุณได้รับการอนุมัติ โดยไม่ถูกหั่นแม้แต่บาทเดียว"

8. ถ้าการยื่นหมูยื่นแมวข้างต้นไม่ใช่ข้อแลกเปลี่ยนที่เหมาะสม
ให้เปลี่ยนมาเป็นการเสนอทางเลือกที่เป็นรูปธรรม ซึ่งควรจะเป็นทางเลือกที่รับได้ทั้งสองฝ่าย
และเป็นการประนีประนอมโดยไม่ทำให้คุณเสียเปรียบ
การแสดงให้อีกฝ่ายเห็นว่าเรายืดหยุ่นได้มักจะให้ผลดี
ในขณะที่การปฏิเสธแบบทื่อๆ มักจะทำให้อีกฝ่ายเกิดการรู้สึกขุ่นเคือง

9. แทนที่จะพูดว่า ไม่ ทำไมไม่โยนภาระที่เกิดจากคำขอนั้นกลับไปยังผู้ขอ?
"โจ คุณอยากให้ผมจัดการกับเรื่องนี้อย่างไรล่ะ?"
หรือ "แล้วคุณคิดว่าวิธีการแก้ไขปัญหาที่สมเหตุสมผลสำหรับคุณคืออะไรล่ะ ปีเตอร์?"

10. ถ้าคุณตัดสินใจที่จะใช้การต่อรอง แทนที่จะดันทุรังพูดว่า ไม่ อย่างห้วนๆ
ขอให้ต่อรองด้วยจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน มีความจริงใจ และองโลกในแง่ดี
ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยไม่ให้คุณหลงประเด็นและทำผิดพลาดเท่านั้น
แต่ยังแสดงให้ผุ้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการต่อรองเห็นว่า คุณคุมสถานการณ์ได้

11. วางแผนการต่อรองอย่างถี่ถ้วนไม่ว่าจะมาในลักษณะไหน
คุณต้องรู้ว่าคุณต้องการอะไร และอีกฝ่ายจะปฏิเสธคุณอย่างไรบ้าง
คุณควรจะวางแผนว่าจะโต้ตอบการปฏิเสธนั้นๆ เอาไว้ล่วงหน้า
แต่ไม่ได้หมายความว่า คุณจะต้องเตรียมพร้อมเพื่อจะตอบปฏิเสธเท่านั้น
นอกจากนี้การเตรียมพร้อมยังช่วยให้คุณสามารถประเมินสถานการณ์ ที่อาจจะเกิด ขึ้นได้อย่างคร่าวๆ
และทำให้คุณสามารถชี้นกเป็นไม้ได้อย่างที่ต้องการ

12. เมื่อเลิกที่จะปฏิเสธก็ไม่จำเป็นจะต้องมานั่งละอายใจหรือรู้สึกผิด
เพราะการปฏิเสธคือสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล
หลังพูดว่า "ไม่ ฉันไม่ได้ทำ" ไปแล้ว ก็ขอให้รักษากิริยาให้นิ่งและสงบ

13. ถ้าเป็นไปได้ เมื่อจะพูด ไม่
อย่าพูดแค่คำว่าไม่ แล้วจบไว้แค่นั้น ควรแสดงความเห็นอกเห็นใจฝ่ายที่ได้รับการปฏิเสธ ด้วยการให้กำลังใจ
เพื่อไม่ให้เขารู้สึกในทางลบมากนัก โดยอาจจะปลอบไปว่า
"ฉันรู้ว่าคุณรู้สึกยังไงเมื่อถูกปฏิเสธ เพราะฉันก็เคยรู้สึกแบบนี้เหมือนกัน
แต่บางทีเราต้องยอมรับนะว่า คำขอของเราอาจไม่สมเหตุสมผล..."

14. ตอบ ไม่ แบบธรรมดาๆ ไม่ใช่แสดงอาการเช่น เขี้ยวเคี้ยวฟันแล้วพูดว่า
"ให้ตายเถอะ จ้างก็ไม่มีทางทำให้หรอก" การปฏิเสธแบบเรียบๆ จะดีกว่าการออกท่าทาง
เพราะแค่คำว่า ไม่ อย่างเดียวก็ทำให้ผู้ฟังเกิดความรู้สึกไม่ดีมากพออยู่แล้ว
ไม่จำเป็นจะต้องกระตุ้นให้เกิดความขุ่นเคืองใจ ด้วยการใช้คำพุดรุนแรงหรือ แสดงท่าทาง



ไม่ กับการได้รับมอบหมายงานเพิ่ม

15. การปฏิเสธเมื่อได้รับมอบหมายงานเพิ่ม มีอยู่ด้วยกัน 3 วิธี
วิธีแรก คือ โจมตีงานนั้นโดยตรง
โดยแสดงให้เห็นว่างานนั้นมีข้อบกพร่อง เป็นไปไม่ได้ หรืออาจไม่จำเป็นจะต้องทำ

วิธีการที่ 2 คือ อาจจะแย้งว่า ถึงแม้โครงการจะใช้ได้และไม่มีปัญหาอะไร
แต่คุณไม่ใช่คนที่ดีที่สุดที่จะทำงานชิ้นนี้ ทั้งนี้เป็นเพราะว่าคุณสมบัติไม่ตรงกับงานหรือประสบการณ์ไม่มากพอ
หรือคุณเหมาะกับงานอื่นมากกว่า

วิธีสุดท้าย คือ คุณอาจจะพูดแค่ว่า คุณไม่ขอรับงานชิ้นนี้

16. แต่ถึงจะชักแม่น้ำทั้ง 5 มาพูดแล้วก็ยังไม่อาจปฏิเสธได้ วิธีที่ดีที่สุดที่ควรจะนำออกมาใช้คือ
พยายามโน้มน้าวให้เจ้านายของคุณเห็นว่า คุณน่าจะทำประโยชน์ให้กับบริษัทได้มากกว่าในงานชิ้นอื่น

17. เมื่อคุณเสนอทางเลือกให้เจ้านาย โดยบอกว่าคนอื่นเหมาะสมกับงานนั้นมากกว่าคุณ
ขอให้มุ่งประเด็นไปที่ทางเลือกที่คุณเสนอให้ โดยอย่าเผลอเน้นว่าตัวคุณไม่เหมาะสม

18. เมื่อได้รับงานเพิ่ม แทนที่จะตอบปฏิเสธงานไปในทันที พยายามชี้ให้เห็นถึง "ปัญหาที่มีอยู่"
"ข้อบกพร่อง" หรือ "จุดที่ยังติดขัด" หรือ "ประเด็นที่ยังเป็นคำถาม" หรือ "สิ่งที่จำเป็นจะต้องแก้ไข"
ให้เสร็จก่อนที่งานจะสามารถเดินหน้าต่อไปได้
ซึ่งการกระทำเช่นนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่า คุณทำการบ้านและใส่ใจในงาน
นอกจากนี้ยังเป็นการให้โอกาสเจ้านาย ได้รับทราบถึงความยากลำบากของงานนั้น ด้วยตัวของเขาเอง
ดีกว่าการบ่นว่าเจ้านาย ว่าไม่ยุติธรรมที่เอางานยากๆ มาให้คุณทำ

19. เมื่อปฏิเสธงานที่ได้รับมอบหมายเพิ่ม
สิ่งที่ไม่ควรทำเลยก็คือ โยนงานคืนให้เจ้านายไปเฉยๆ คุณควรปฏิเสธพร้อมกับแนะนำทางเลือกให้ด้วย

20. ถ้าคุณตอบ ไม่ กับงานโดยพูดแค่ว่าคุณไม่เหมาะสม
คุณกำลังเสี่ยงกับการทำให้คนอื่นเข้าใจผิด และคิดว่าคุณพยายามจะเดินหนีจาก หน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบ
การป้องกันไม่ให้คนอื่นคิดเช่นนั้นก็คือ การเสนอคนอื่นให้มาทำงานแทนโดยให้เหตุผลสนับสนุน
และทำให้คล้อยตามว่าเพราะเหตุใดคนคนนั้น จึงเหมาะสมกับงานนั้นมากกว่าคุณ
การกระทำเช่นนี้จะช่วยทำให้คุณไม่ถูกมองว่าขาดความรับผิดชอบ

21. คุณไม่จำเป็นจะต้องตอบว่า ไม่ ในทันทีทันใด คุณไม่ควรแสดงอาการตอบรับหรือปฏิเสธ
แต่ ควรแจ้งกับเจ้านายว่า คุณขอเวลาดูรายละเอียดและทบทวนงานนั้นเสียก่อน
ทั้งนี้เพื่อช่วยให้คุณมีเวลาคิดหาทางหนีทีไล่ และคิดหาทางเลือกที่เหมาะสม และมีเหตุมีผล
เพื่อทำให้เจ้านายของคุณคล้อยตาม

22. เมื่อปฏิเสธงาน ควรเริ่มต้นด้วยการอ้างถึงงานที่ประสบความสำเร็จในอดีตของคุณ
แล้วตามด้วยการเปรียบเทียบงานที่ได้รับมอบหมายกับงานเด็ดในอดีต
โดยชี้ให้เห็นว่าทำไมคุณถึงไม่ใช่คนที่เหมาะที่สุดสำหรับงานนี้ อย่างเช่น
"ก็อย่างที่คุณทราบนั่นแหละครับว่าโครงการนั้นที่ผมดูแลอยู่ ประสบความสำเร็จขนาดไหน
ที่งานนั้นออกมาดีก็เพราะว่าผมถนัดเรื่องขายส่ง และรู้เรื่องขายส่งอย่างทะลุปรุโปร่ง
แต่โครงการที่คุณกำลังจะขอให้ผมทำในตอนนี้เป็นเรื่องการขายปลีก ซึ่งจำเป็นต้องใช้มืออาชีพทางด้านนี้
และต้องรู้จักงานขายปลีกอย่างละเอียดละออ นอกจากนี้ต้องมีฝีมือในระดับที่พอฟัดพอเหวี่ยงกับผม
ผมขอพูดตรงๆ เลยนะครับว่า โจเป็นมืออาชีพในเรื่องขายปลีก ไม่ใช่ผม"

23. ซ่อนคำว่า ไม่ ของคุณเอาไว้ภายใต้คำชมเชย

แอน : ฉันเสนอชื่อคุณเข้าร่วมทำโครงการแอมแทร็กซ์ เพราะรู้ว่าคุณคงไม่ยอมพลาดงานนี้
และฉันก็มั่นใจว่าคุณจะต้องหาเวลาว่างได้แน่ๆ

คุณ : ขอบคุณจริงๆ นะแอนที่นึกถึงผม แต่ปีนี้ผมจับงานของลินด์ควิสอยู่และอยากทำให้เสร็จทันเวลา
ผมเลยต้องทุ่มเทเต็มที่จนไม่มีเวลาจะไปทำอย่างอื่น คุณก็รู้ว่าผมชอบทำงานกับคุณมากขนาดไหน
เอาเป็นว่าถ้าผมว่างเมื่อไร ผมจะไม่ยอมพลาดทำงานร่วมกับคุณอย่างแน่นอน

24. งานที่คุณต้องทำมีกองสูงจนท่วมหัว ในขณะที่จอห์นแทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย
ใครๆ ก็รู้ว่าคุณทำงานดี ทำงานเก่ง ซึ่งตรงข้ามกับจอห์น เพราะอย่างนี้เจ้านายถึงเอางานมาให้คุณทำเกือบทั้งหมด
การพูด ไม่ ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยให้การกระจายงานเป็นไปอย่างยุติธรรมเท่านั้น
ยังทำให้เจ้านายได้คิด กลับมองคุณดีขึ้นแถมยังเล็งเห็นถึงการเป็นคนมีเหตุมีผล และรู้จักเรียกร้องในสิ่งที่ถูกต้อง
คุณควรพูดกับเจ้านายของคุณแบบบัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น ด้วยการอ้างถึงประโยชน์ของหน่วยงานเป็นสำคัญ
ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ส่วนตัวของคุณ โดยอาจจะกล่าวว่า
"คุณเพอร์กินส์ครับ แผนกของเรากำลังมีปัญหาเรื่องการกระจายงาน ผมเกรงว่าถ้างานมาสุมกันอยู่ที่ผมมากๆ
ผมคงไม่มีเวลาพอที่จะทำให้งานทุกๆ ชิ้นให้ผลงานออกมาดีได้เท่าเทียมกันและคงจะดูแลได้ไม่เท่าที่ควร
และทำให้ผลงานของแผนกเราด้อยลงกว่าเดิมนะครับ"
การเริ่มต้นเช่นนี้คือวิธีการเปิดประเด็น เพื่อให้มีการปรับปรุงหรือแก้ไข อย่างตรงไปตรงมา


ไม่ กับเพื่อนร่วมงานและผู้ร่วมงาน

25. คุณถูกชวนให้ไปงานเลี้ยงของแผนก แต่งานคราวก่อนไม่สนุกและกร่อยมาก
คุณไม่อยากจะเจอกับประสบการณ์แบบคราวที่แล้วอีก คุณจะปฏิเสธอย่างไรเพื่อไม่ให้เพื่อนร่วมงานเสียน้ำใจ?
ให้ตอบปฏิเสธแบบไม่ต้องอธิบายเหตุผล โดยพูดเรียบๆ ว่า "ขอโทษน่ะ ผมคงไปร่วมงานไม่ได้"
การปฏิเสธควรจะสั้น กระชับ เรียบง่ายและสุภาพ
แค่พูดว่าขอโทษที่ไปไม่ได้ โดยไม่จำเป็นจะต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติม

26. คุณถูกชวนให้ไปงานเลี้ยงของแผนกและอยากจะไป
แต่เผอิญคุณมีนัดกับคนที่บ้านไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว ควรจะตอบปฏิเสธและกล่าวแสดงความเสียใจ
จากนั้นอธิบายเหตุผลสั้นๆ โดยหลีกเลี่ยงการตำหนิคนที่ทำให้คุณไปร่วมงานไม่ได้ โดยกล่าวว่า
"บิล ผมอยากจะมางานจริงๆ แต่เผอิญวันนี้เป็นวันเกิดของซาร่าห์ เราตกลงว่าจะฉลองกันเป็นพิเศษ
ผมนัดเธอไว้แล้วว่าจะไปทานอาหารค่ำด้วยกัน"
แทนที่จะเป็น
"แย่จังเลยบิล ผมอยากจะมาร่วมงานมากเลยน่ะ แต่เผอิญวันนี้เป็นวันเกิดของซาร่าห์ เธอฆ่าผมตายแน่
ถ้าผมมางานของแผนกแทนที่จะใช้เวลาอยู่ฉลองวันเกิดกับเธอ"

27. ไม่มีใครอยากถูกมองว่าเป็นคนที่หลอกได้ง่าย
แต่คุณเคยถูกต้อนให้พูดคำว่า ได้ ด้วยคำพูดคล้ายแบบนี้บ้างไหม?
"จริงๆ นะโจ คุณเป็นคนเดียวเท่านั้นที่จะทำงานนี้ได้!"
วิธีการตอบปฏิเสธคำพูดที่เป็นกับดักล่อเช่นนี้คือ การหยอดกลับไปในลักษณะ เดียวกับที่อีกฝ่ายหยอดมา
โดยคุณอาจจะตอบกลับไปว่า
"อย่าทำให้ผมตัวลอยเลย จอห์นและแมรี่ต่างหากที่เหมาะกับงานนี้ แถมตอนนี้ทั้งสองคนก็กำลังว่างอยู่พอดีเลย"

28. เมื่อต้องตอบปฏิเสธ ควรตามด้วยการอธิบาย ไม่ใช่การแก้ตัว
"แซม ขอโทษด้วยน่ะที่เปลี่ยนสถานที่ประชุมให้ไม่ได้ คุณก็รู้ว่าเราต้องจองสถานที่ล่วงหน้า
และวางเงินมัดจำไปแล้ว ผู้ร่วมประชุมคนอื่นต่างก็เห็นพ้องกับสถานที่จัดการประชุม
ถ้าจะต้องเปลี่ยนเราคงจะต้องเสียเวลาแจ้งให้ทุกคนทราบ และคงจะต้องมาเริ่มต้นกันใหม่
เพราะอาจจะมีคนไม่สะดวกถ้าเปลี่ยนสถานที่
ฉันหวังว่าคุณคงหาทางเปลี่ยนแผนของคุณ เพื่อให้สามารถมาร่วมประชุมกับเราได้"

29. ขยายขอบเขตการปฏิเสธของคุณจากตัวคุณเองออกไปสู่คนหมู่มาก หรือหาข้ออ้างอิงที่มีเหตุผม
รวมทั้งการใช้ตัวเลขต่างๆ เพื่อสนับสนุนการตอบปฏิเสธของคุณ ให้ดูมีความน่าเชื่อถือและมีน้ำหนักยิ่ง ขึ้น
เช่น "ตายจริง ซาร่า ได้ยินว่า คุณมีนัดอื่นซ้อนกับการประชุมของเราใช่ไหม หวังว่าคุณคงหาทางเปลี่ยนเวลาได้นะ
ฉันอยากจะเปลี่ยนเวลาประชุมให้คุณจังเลย และต้องคิดถึงผู้เข้าร่วมประชุมอีก 15 คนว่า
เขาจะว่างกันหรือเปล่าก็ไม่รู้ นอกจากนี้ทุกคนก็ยืนยันแล้วว่า วันที่ 12 ตอน 9 โมงเช้ามาได้ไม่มีปัญหา
หวังว่าคุณคงจะเข้าใจนะ มีอะไรพอที่ฉันจะช่วยได้บ้างไหม
เพื่อให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนเวลานัดของคุณ เพื่อให้คุณมาประชุมกับเราได้?"

30. ความรุนแรงในที่ทำงานเกิดขึ้นได้ทุกวี่ทุกวัน แต่ไม่ใช่ในรูปของการชกต่อยหรือใช้กำลัง
แต่มักจะเป็นการถากถางหรือหมิ่นกันด้วยวาจา ด้วยฝีมือของผู้ที่ชอบระรานคนอื่นโดยไม่มองดูความเป็นจริง
และไม่เคยเห็นชอบกับความคิดความอ่านของคุณแม้แต่น้อย เขาพยายามที่จะโจมตีความคิดเห็นของคุณให้จมดิน
ด้วยการใช้คำพูดวิพากษ์วิจารณ์ที่เป็นการแสดงความดูหมิ่น

การพูดว่า ไม่ กับการกระทำเช่นนี้ คือ อย่ายอมลงให้ และคุณจะต้องข่มใจอย่าให้เกิดการทะเลาะวิวาท
โดยการให้อีกฝ่ายเป็นผู้เริ่มก่อน เมื่อเขาเริ่มพูดจาถากถาง ขอให้คุณยิ้มสู้เข้าไว้ แล้วตอบกลับไปว่า
"ผมเข้าใจนะบิล ว่าคุณไม่เห็นด้วยกับความคิดของผม เพราะคุณแสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัด
ซึ่งนั่นก็เป็นสิทธิของคุณ และไม่แน่คุณอาจจะคิดถูกก็ได้
แต่ผมคิดว่าแผนงานของผม น่าจะเหมาะกับความต้องการอย่างเร่งด่วนที่เรากำลัง เผชิญอยู่ในขณะนี้
และถ้าผมได้มีโอกาสอธิบาย ผมคิดว่า เราทุกคนก็น่าจะตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับแผนนี้ดี
จะใช้ จะเปลี่ยน หรือจะโยนมันทิ้งไปซะ"

31. ที่ทำงานคือสังคมเล็กๆ ซึ่งไม่แตกต่างจากสังคมอื่น ที่เราอาจจะสร้างได้ทั้งมิตรและศัตรู
แต่โดยปกติแล้วคุณคงเจอกับคนที่รู้สึกดีกับคุณมากกว่าคนที่คิดร้าย
แต่คุณจะทำอย่างไร ถ้าเพื่อนร่วมงานพยายามจะคัดค้านความคิดเห็นของคุณ
และขัดขวางการทำงานของคุณเป็นประจำ?
คุณอาจจะพูด ไม่ กับพฤติกรรมเช่นนี้ โดยการโต้กลับคนนิสัยเสียด้วยการกระทำในลักษณะเดียวกัน
แต่นั่นไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง เพราะเท่ากับว่า คุณเองก็สนับสนุนพฤติกรรมอันไม่สมควรนั้นด้วยเช่นกัน
ยิ่งโต้กันไปโต้กันมานานวันเข้า ก็จะรุกลามกลายเป็นทะเลาะวิวาทที่ยืดเยื้อ ซึ่งคุณอาจจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
แทนที่จะโต้ตอบ คุณควรพยายามหาหนทางเปลี่ยนศัตรูของคุณให้กลายมาเป็นมิตร
เมื่อคุณมีความคิดอะไรใหม่ คุณควรนำมันไปคุยกับเขาก่อนที่จะเอาเข้าที่ประชุม ยกตัวอย่างเช่น
"คาร์ล ขอความเห็นสักนิดจะได้ไหม ผมรู้มาว่าคุณสนใจเรื่องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นพิเศษ
เผอิญลูกค้ารายใหม่ของผมผลิตอุปกรณ์ประเภทนี้พอดี ผมมีความคิดที่จะ....
คุณคิดว่าเป็นอย่างไรบ้าง พอจะใช้ได้ไหม?"

ถ้าคุณทำให้เขาเข้ามามีส่วนร่วมในแผนงานของคุณได้ คุณก็มีโอกาสที่จะได้รับการสนับสนุนจากเขา
แต่สิ่งที่คุณต้องระวังให้ดีก็คือ อย่าให้เขามาแย่งผลงานของคุณไปเสียล่ะ

32. พวกปากหอยปากปู น่ารำคาญจริงๆ
คนพวกนี้คือเพื่อนร่วมงานหรือผู้ร่วมงาน ที่ชอบพูดจากวนโมโหและสร้างความ รำคาญใจ
ในทางทฤษฎีคุณควรจะมองเรื่องนี้เป็นเรื่องไร้สาระ และไม่ควรจะเอามาใส่ใจ
แต่ในความเป็นจริง คนเหล่านี้คือพวกชอบวิพากษ์วิจารณ์และประสงค์ร้าย การพูดว่า ไม่ กับคนประเภทนี้
จำเป็นต้องใช้วิธีการเปลี่ยนเป้าโจมตีของพวกเขา จากตัวคุณไปเป็นอย่างอื่นที่ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว

พวกปากหอยปากปู : "ว่าไงบ๊อบ เมื่อไรนโยบายของคุณจะคลอดซะทีล่ะ ทำงานช้ายังกับเต่าล้านปีแน่ะ"
บ๊อบ : "ถ้างั้นก็ดีเลย เรามานั่งคุยเรื่องนโยบายกันเลยดีไหม?"
การตอบกลับเช่นนี้แสดงให้เห็นว่า บ๊อบได้กันตัวเองออกจากคำกล่าวหาที่ว่าเขาทำงานช้า
โดยเปลี่ยนเป็นหัวข้อการสนทนาให้หลุดจากตัวของเขา มาเป็นเรื่องของนโยบาย

33. เมื่อเพื่อนร่วมงานพยายามที่จะแย่งงานของคุณ
คุณจำเป็นจะต้องออกมาปกป้องสิทธิของคุณเอาไว้ ด้วยการพูดว่า ไม่
ทั้งนี้ไม่ใช่เพื่อศักดิ์ศรี แต่เพื่อความอยู่รอด ทางที่ดีคือพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า
แต่ต้องทำให้ทั้งคุณและเขา เข้าใจถึงหน้าที่รับผิดชอบของแต่ละคนอย่างชัดเจน แจ่มแจ้ง
โดยคุณควรจะเข้าหาเพื่อนร่วมงานของคุณ เพื่ออธิบายถึงงานที่คาบเกี่ยวกันอยู่ ระหว่างคุณและเขา
และถ้าเป็นไปได้คุณทั้งสองควรร่วมกันแก้ไขปัญหากันเอง
โดยไม่ต้องดึงเอาผู้ที่มีตำแหน่งงานสูงกว่าเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ทางที่ดีเมื่อได้ข้อสรุปออกมาแล้ว ก็ควรจะทำบันทึกเอาไว้เป็นหลักฐาน

34. ในขณะที่การแจ้งสาเหตุของการตอบปฏิเสธคือสิ่งที่ดีและมีเหตุผล
แต่ในบางครั้ง การพูด ไม่ เพียงคำเดียว ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
เพราะการยุติการสนทนา ที่ยืดเยื้อจนอาจจะลุกลามกลายเป็นการโต้เถียงด้วยการ พูด ไม่
คือสิ่งที่ช่วยทำให้ทุกอย่างสงบลงได้
ยกตัวอย่างเช่น "ฟังนะ เฟร็ด คำตอบของผมคือไม่ ผมไม่อยากจะทำ"


ที่มา
http://www.yousaytoo.com/34/64273
http://www.thaigaming.com/e-book-shelf/54166.htm