สารัญ Creditbank Credit card bank

123

11/15/2552

ผู้เชี่ยวชาญชี้ตราสารหนี้ยังน่าลงทุน เพราะความเสี่ยงน้อยและให้ผลตอบแทนขั้นต่ำ 3-4%

ผู้เชี่ยวชาญชี้ตราสารหนี้ยังน่าลงทุน เพราะความเสี่ยงน้อยและให้ผลตอบแทนขั้นต่ำ 3-4%
นายเรืองวิทย์ นันทาภิวัฒน์ เลขาธิการสมาคมนักวางแผนทางการเงิน ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ Hard Topic ทาง Money Channel ว่า การลงทุนในช่วงนี้มีปัจจัยเสี่ยงค่อนข้างมาก โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ไทยก็มีความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น เมื่อปัญหานี้เริ่มคลี่คลาย ปัญหา Subprime ของสหรัฐฯ ก็กลับมารุนแรงอีกครั้งหนึ่ง ล่าสุดเลห์แมน บราเธอร์ส วานิชธนกิจใหญ่อันดับ 4 ของสหรัฐฯ ก็ได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอพิทักษ์ทรัพย์สินจากภาวะล้มละลายแล้ว อย่างไรก็ตาม ถือว่ายังโชคดีที่สถาบันการเงินของไทยได้รับผลกระทบจากปัญหานี้ไม่มาก แต่ก็อาจมีผลให้นักลงทุนต่างประเทศมีความระมัดระวังในการลงทุน และบางส่วนก็ถอนเงินออกจากตลาดหุ้นไทย เพื่อนำเงินกลับไปช่วยบริษัทแม่มากขึ้น

นายเรืองวิทย์แนะนักลงทุนด้วยว่า ให้แบ่งเงินลงทุนตามวัตถุประสงค์ของตนเองก่อน จากนั้นถึงค่อยมาจัดพอร์ตการลงทุนว่าจะฝากธนาคาร ตราสารหนี้ หุ้น อสังหาริมทรัพย์ หรือสินค้าโภคภัณฑ์ในสัดส่วนเท่าใด โดยถ้าต้องการใช้เงินภายใน 1 ปีข้างหน้า ก็สามารถลงทุนในเงินฝาก ตราสารหนี้ หรือหุ้นได้ แต่ถ้าต้องการลงทุนระยะยาว คือมากกว่า 5 ปี ก็สามารถลงทุนในสินทรัพย์ได้ทั้ง 5 ประเภทดังกล่าว ส่วนจะลงทุนในสัดส่วนเท่าใดนั้นก็ขึ้นอยู่กับผลตอบแทนที่แต่ละบุคคลกำหนดเป้าหมายไว้ นอกจากนั้น ถ้าเป็นผู้ที่มีความเข้าใจหลักการลงทุนเป็นอย่างดี ก็สามารถออกไปลงทุนต่างประเทศได้ แต่ก็จะมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนด้วย

เลขาธิการสมาคมนักวางแผนทางการเงินเผยว่า ในช่วงนี้ตราสารหนี้จะกลายเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนไทยที่ไม่สามารถรับความผันผวนของตราสารประเภทอื่น ๆ ได้ หันมาลงทุนมากขึ้น เนื่องจากตราสารหนี้ให้ผลตอบแทนขั้นต่ำ 3 – 4% ต่อปี แต่ถ้าเป็นตราสารหนี้ต่างประเทศก็จะต้องดูอัตราแลกเปลี่ยนด้วย ส่วนอสังหาริมทรัพย์ก็น่าลงทุนเช่นกัน โดยให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 7 – 9% ต่อปี แต่การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ก็มีข้อเสียคือ มีสภาพคล่องต่ำ ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในช่วงนี้ก็ลดลงมามากแล้ว จึงถือเป็นจังหวะที่ดีของการลงทุนเช่นกัน

นายเรืองวิทย์ฝากถึงนักลงทุนด้วยว่า หากเป็นผู้ที่มีประสบการณ์การลงทุน ก็สามารถลงทุนด้วยตนเองได้ แต่ถ้าเป็นผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลาติดตามข้อมูล และมีเงินไม่มากพอ ก็อาจจะลงทุนในกองทุนรวม แต่ไม่แนะนำให้กู้เงินมาลงทุน เนื่องจากช่วงนี้ตลาดมีความผันผวนมาก ความเสี่ยงจึงมีมากตามไปด้วย

นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส รองกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บลจ.ทิสโก้ มองว่า การปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมา เกิดจากปัจจัยภายนอกประเทศมากกว่าปัจจัยภายใน โดยคาดว่าดัชนีตลาดหุ้นจะเริ่มฟื้นตัวเมื่อธนาคารกลางสหรัฐฯ และสถาบันการเงินในสหรัฐฯ 10 แห่ง มีมาตรการในการช่วยเหลือสถาบันการเงินที่มีปัญหาอย่างชัดเจน พร้อมทั้งหวังว่าเลห์แมน บราเธอร์ส จะเป็นสถาบันการเงินขนาดใหญ่รายสุดท้ายที่ต้องล้มละลาย

นายธีรนาถเชื่อว่า นักลงทุนต่างชาติยังมีความต้องการลงทุนอยู่ และเอเชียก็เป็นภูมิภาคที่นักลงทุนสนใจจะเข้ามาลงทุน เพราะเศรษฐกิจของประเทศในเอเชียยังขยายตัวได้ดี และจะเป็นตัวแปรในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกในปี 2552 ขณะที่ราคาหุ้นก็ลดลงมามาก ส่วนกำไรของบริษัทจดทะเบียนก็เติบโตได้ดี อัตราส่วนราคาตลาดต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) ก็อยู่ที่ระดับ 11 เท่า ซึ่งถือว่าต่ำ ด้านอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ก็มากกว่าผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ซึ่งถ้านักลงทุนต่างชาตินำเงินเข้ามาลงทุน ก็น่าจะทำให้ตลาดหุ้นเอเชียรวมถึงตลาดหุ้นไทย ดีดตัวกลับขึ้นไปได้อีกครั้ง

ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่าช่วงเวลานี้ถือว่าสายเกินไปที่นักลงทุนคิดจะเทขายหุ้นออกมา โดยนักลงทุนควรจะพิจารณาว่าจะซื้อเพิ่มหรือไม่มากกว่า ถ้าคิดว่าดัชนีจะลดลงอีก ก็สามารถหยุดการลงทุนไว้ก่อนได้ แต่ถ้าอยากจะลงทุนเพิ่ม ก็ให้ทยอยซื้อได้

ส่วนผลตอบแทนจากการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ก็จะขึ้นอยู่กับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐด้วย ถ้าในช่วง 6 – 12 เดือนข้างหน้าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไม่ฟื้นตัว เงินดอลลาร์สหรัฐก็จะเริ่มอ่อนค่าลง ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ก็น่าจะปรับตัวดีขึ้น แต่คงจะไม่หวือหวาเหมือนเมื่อช่วง 1 - 2 ปีที่ผ่านมา ส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นก็ถือว่าน่าสนใจ เพราะผลตอบแทนเริ่มกลับมาดีอีกครั้ง

นายธีรนาถกล่าวถึงกองทุนรวมด้วยว่า กองทุนรวมที่ออกมาเสนอขายในช่วงนี้มักมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น เพราะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากธนาคาร และกองทุนที่มีลักษณะกึ่งคุ้มครองเงินต้น เช่น มีอายุ 1 ปี และเน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ซึ่งมีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนมากกว่าตราสารหนี้ของไทย แต่กองทุนเหล่านี้ก็จะมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งนักลงทุนจะต้องเข้าใจเรื่องนี้ด้วย

นายธีรนาถแนะนักลงทุนด้วยว่า ให้จัดพอร์ตการลงทุนที่ได้รับผลตอบแทนมากกว่าหรือเท่ากับอัตราเงินเฟ้อ ถ้าได้ผลตอบแทนน้อยกว่าอัตราเงินเฟ้อ ก็ควรปรับพอร์ตการลงทุนใหม่ สำหรับนักลงทุนที่ไม่สามารถจัดพอร์ตได้ ก็สามารถขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมได้

ติดตาม Hard Topic ทาง Money Channel True Visions 80 ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 13.00 – 14.00 น.

ช่องทางการรับชม Money Channel: True Visions ช่อง 80, จานดาวเทียม Samart DTH ช่อง 08 และเคเบิลทีวีท้องถิ่นทั่วประเทศ ช่อง 30